
การกลับขึ้นเป็นจ่าฝูงของ ลิเวอร์พูล สร้างความรื่นเริงให้กับแฟนๆ ของตัวเอง หลังจากเอาชนะ เชลซี 2-0 แต่สร้างความหวั่นใจให้กองแช่ง เพราะพวกเขาสามารถฝ่าด่านทีมที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ขณะที่กลุ่มแฟนในลอนดอนซึ่งเฝ้าหน้าจอดูทีมรักอยู่บ้านต้องส่ายหัวกับผลงานนัดล่าสุด แม้จะยังไม่ถูกแซงหน้าแต่ผลงาน สิงห์บลู เชลซี ทำได้ประมาณนี้ อันดับ 4 ก็ดีเกินไป
ผลงาน สิงห์บลู เชลซี ทำได้ประมาณนี้ อันดับ 4 ก็ดีเกินไป

ภาพการฉลองชัยไม่เกิดขึ้นที่ แอนฟิลด์ ทำได้แค่เฉียดเข้าประตู การบาดเจ็บของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ไม่ได้สร้างความเสียหายขนาดนั้น เพราะ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ก็ทำได้ดีในภาวะฉุกเฉิน เรื่องน่าเศร้าคือพวกเขาไม่สามารถคว้าโอกาสที่มีไว้ได้ต่างหาก
ว่ากันตามตรงพลพรรค “สิงห์บลูส์” คงอยู่ตรงนี้อีกไม่นาน เพราะใน 4 เกมที่เหลือพวกเขาต้องห้ำหั่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และถ้าสภาพการณ์เป็นเช่นนี้ คงไม่มีทางคว้าอันดับ 4 ไว้ได้ ถ้าได้ก็คงเป็นเพราะโชคช่วยสุดๆ เพราะอะไรน่ะหรือ? อย่าเบื่อเลยที่จะย้ำเรื่องเดิมซ้ำๆ
กุนซือ เชลซี เลือกแท็คติกพลาด หรือใจไม่สู้
ก่อนเริ่มคิกออฟที่ แอนฟิลด์ เชื่อว่าสาวกจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าการพบกันระหว่างท็อป 6 ต้องออกมาสูสี ด้วยศักดิ์ศรีสองยักษ์ใหญ่อดีตแชมป์ที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในแดนผู้ดีและทีมเศรษฐีใหม่ผู้รุ่งโรจน์ แต่ดูคล้ายฝ่ายทีมเยือนกำลังหลงทาง เพราะเมื่อเห็น 11 รายชื่อตัวจริง แฟนๆ ก็คิดในใจทันทีว่า เอาแล้วไง!

เมาริซิโอ ซาร์รี่ เลือกใช้งาน เอแด็น อาซาร์ เป็นกองหน้าตัวเป้า วิลเลี่ยน และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ขนาบข้าง กองกลางเลือก รูเบน ลอฟตัส-ชี้ค, จอร์จินโญ่ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ สมใจแฟนๆ ที่อยากเห็นเด็กปั้นลงเป็นตัวจริง ส่วนแนวรับก็หน้าตาคุ้นเคยทั้งหมด เปลี่ยนทีมจากนัดก่อนที่เอาชนะ เวสต์แฮม ไปแค่ตำแหน่งเดียวคือถอด กอนซาโล่ อิกวาอิน ใส่ วิลเลี่ยน ลงมา ซึ่งก็น่าจะอ่านได้ว่า อยากให้ปีกสองข้างใช้ความเร็ว เลี้ยงจี้เข้าหาประตู ปั่นป่วนหลังบ้านคู่แข่ง หาจังหวะฉาบฉวย แต่ก็หาไม่เจอในครึ่งแรก เพิ่งมามีสติตอนที่ตามหลังไปแล้ว 2 ประตู
การเตรียมแผนมาเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรจากการมองตัวเองเป็นทีมรอง มาเพื่อหวังจังหวะโต้กลับ ไม่ได้มาเพื่อเปิดเกมใส่ ซึ่งนี่ไม่ใช่ เชลซี ที่แฟนๆ คุ้นเคย ตรงประเด็นเลยก็แล้วกันว่า ใจไม่สู้ หรือสู้ไม่สุด
ซาร์รี่ อาจพะวงเกม ยูโรปา ที่รออยู่ แม้มีสกอร์ตุนจากการบุกไปเฉือน สลาเวีย ปราก มาแล้ว แต่ก็ต้องการเข้ารอบอย่างแน่นอน ถึงอย่างนั้นการใส่แท็คติกที่ชวนหงุดหงิดแบบนี้ มันก็เป็นการดูถูกนักเตะจนเกินไป
อะไร… อะไรก็ อาซาร์

การให้ เอแด็น อาซาร์ ลงสนามในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงถึงความไว้วางใจในพรสวรรค์ของขวัญหมายเลขหนึ่งแห่งถิ่น แสตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้งที่นักเตะก็พูดมาเป็นปีว่าอยากเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ และไม่เคยบอกเลยว่า เบื่อแค่ไหนที่กุนซือ 3-4 คนก่อนหน้าพยายามผลักดันให้เขาเค้นความสามารถออกมา เขาก็พยายามแล้วล่ะ แต่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่อยากเล่นมากที่สุด และ ซาร์รี่ ก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่ยอมฟัง ทั้งที่ยังมีกองหน้าอีกสอง ทั้ง กอนซาโล่ อิกวาอิน และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จ้ะ!
ต่อเนื่องจากเรื่องแท็คติก กองหน้าที่มีในมืออายุ 30 กันแล้วทั้งนั้น ความเร็วต่ำ แต่มีจุดเด่นที่รูปร่าง สูงใหญ่ ถ้าเลือกเปิดบอลจากริมเส้นเข้าไปเพื่อหวังผลต่อสู้กับทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ หรือ โจเอล มาติป ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส แต่ไม่ทำตั้งแต่แรก มาเปลี่ยนใจเมื่อเห็นว่า ฮัดสัน-โอดอย เจอ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน จับตายจนเล่นไม่ออก แต่ก็ดันเอาตัวจ่ายชั้นยอดอย่าง โอดอย ออกไป เหลือ วิลเลี่ยน ไว้ สิ่งที่ต้องทำก็คือเลี้ยงลุยเข้าไป

ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด ในที่สุดสิ่งที่เหลืออยู่คือการเลี้ยงเดี่ยว ชงเองกินเองของ อาซาร์ ที่เกือบจะฉุดทุกคนให้มีความหวังแต่โดนโคนเสาขวางไว้ ไม่เหมือนวันที่ต้อนรับ เวสต์แฮม ในบ้าน
สิ่งที่แฟนๆ อยากเห็นคือการสร้างทีมที่ดีล้อมรอบ อาซาร์ ไม่ใช่การปล่อยให้ อาซาร์ เป็น ”เดอะ แบก” ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ฆ่าง่าย ตายไม่ยาก
ในฐานะหนึ่งทีมใหญ่ของยุคนี้ สิ่งที่ เชลซี เป็นมาตลอดก็คือทีมที่ไม่เคยปล่อยให้โอกาสหลุดมือ แต่มันไม่ใช่เลยเมื่อ ซาร์รี่ เข้ามา พวกเขาเสียสถิติครั้งแล้วครั้งเล่า รวมถึงความพ่ายแพ้ยับเยินสุดขีดใน พรีเมียร์ลีก ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6-0 ฤดูกาลนี้ ทำให้โดนทีมระดับท็อป 6 ด้วยกันเจาะไป 16 ประตู

ทีมของ โรมัน อับราโมวิช โดนจ้องทำลายอยู่เสมอ โทษฐานที่เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลายสมัย ก่อนหน้านี้พวกเขามักมีฉายาฆ่าไม่ตาย แต่มันเปลี่ยนไปแล้ว ฆ่าได้ ตายก็ง่าย โดนจับทางได้ก็จบกัน
เน้นครองบอล ผ่านบอลเยี่ยม แต่ไม่เฉียบขาดกับชัยชนะ
ต้นฤดูกาล เชลซี ยืนหนึ่งด้านการผ่านบอล ไม่แพ้เลยใน 10 เกมแรก แต่หลังจากที่คู่แข่งอ่านทางได้ จับตาย จอร์จินโญ่ ปิดทาง อาซาร์ พวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอีกทีม เล่นไม่ออก ไม่มีแผนสอง และคำเดิมของ ซาร์รี่ ที่มักจะบอกว่า ทำอะไรก็ไม่ดีเท่าทำสิ่งที่ถนัดที่สุดต่อไปเรื่อยๆ ราวกับว่า ถ้าถนัดใช้หมัดเปล่าๆ ก็ชกกำแพงเข้าไปทุกวันพร้อมความหวังว่าวันหนึ่งกำแพงจะพังลงมา เจ็บมือเหรอ? เจ็บสิ แต่มีความพยายาม อีกร้อยปีกำแพงก็พังได้ ถ้าเราไม่ตายไปก่อน

อย่างน้อย ซาร์รี่ ก็ทำทีมได้มีพัฒนาการมากขึ้น ด้วยการเป็นอันดับสองที่ผ่านบอลมากที่สุด 17,922 ครั้ง เป็นรองเพียง แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ 19,761 ครั้ง แต่จำนวนประตูที่ยิงได้และชัยชนะยังห่างกันลิบ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแท็คติก การพึ่งพานักเตะคนใดคนหนึ่งมากเกินไป หรือการพลาดโอกาสที่ควรได้ นี่ดูไม่เหมือน เชลซี ที่แฟนๆ เคยรู้จักสักเท่าไร คงไม่มากเกินไปถ้าจะยอมรับความจริงว่า ทำได้เท่านี้ จบเป็นอันดับ 4 ยังดีเกินไป
หาก ผลงาน สิงห์บลู เชลซี ยังคงทำได้แค่นี้ การพาทีมจบ อันดับ 4 ก็คงเป็นเรื่องที่ยาก ติดตามข่าว สถิติสุดแปลก ในฟุตบอล อังกฤษ รวมถึงสถิติอื่นๆทีน่าสนใจติดตามได้ทาง : www.michelleobamawatch.com
More Stories
บอลวันนี้ มาพูดถึงประโยชน์ที่อาร์เซน่อลจะได้จากลุงเบิร์ก 100 เปอร์เซ็นต์
สิทธิพิเศษ ทีเดดบอล ที่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลบูชา เทรนท์ อาร์โนลด์ เกินกว่าความจริง
รู้จักหรือยัง เอริคการ์เซีย ปราการหลังดาวโรจน์ดวงใหม่